
สำหรับ โหมดหลัก ๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 โหมดดังนี้
Single Play ภายในจะมีอีก 3 โหมดย่อย ได้แก่
* Time Trial : โหมดจับเวลา มีไว้เพื่อทำบันทึกเวลาเร็วที่สุดในแต่ละสนาม
* Single Race : โหมดแข่งคนเดียว สามารถกำหนดจำนวนรอบ และสนามในการเล่นได้ ซึ่งจำนวนรอบ และความกว้างของสนามมีผลกับเงินรางวัลที่จะได้รับหลังจบการแข่งขันด้วย คู่แข่งจะมีตั้งแต่ระดับ S -> D โดย
1. ระดับ S จะเป็นรถระดับ Formula เท่านั้น
2. ระดับ A จะเป็นรถระดับ Le Mans Race Car หรือ Touring Car ในบางรุ่น
3. ระดับ B - > D จะเป็นรถระดับทั่วไป สามารถเก็บชัยชนะได้ง่าย
* Drift Mode : โหมดเก็บเงิน และคะแนนจากการ Drift ล้วน ๆ การปรับแต่งรถก็ควรใช้ยางให้เหมาะสมกับรถที่จะทำการ Drift ด้วย (รถทุกรุ่นทุกประเภท Drift ได้ แต่ต้องมีเทคนิคนิดหน่อย)
Mission Mode คล้ายกับการสอบใบขับขี่ของภาคก่อน แต่ภาคนี้จะมีเงินรางวัลในแต่ละด่าน ซึ่งสูงมาก
ภารกิจทั้งหมดจะมีอยู่ 102 ด่าน เมื่อผ่านไปได้ครึ่งทางจะตัดฉากให้ดู Ending ก่อน และในแต่ละภารกิจ
จะมีผลในการปลดล็อคระบบต่าง ๆ ภายในตัวเกมด้วย เช่น ผ่านภารกิจ B ก็จะใช้ BGM เป็นเพลงที่เราเก็บ
ไว้ในเครื่องมาแทนได้ เป็นต้น
Multi-Play โหมดนี้เอาไว้เล่นผ่านระบบ Adhoc ของเครื่อง PSP จะมีทั้งโหมดแข่ง แชร์ข้อมูลรถ และ
การซื้อขายแลกเปลี่ยนรถ (2 ระบบหลังทำได้เฉพาะกับรถบางรุ่นเท่านั้น)
ข้อมูลการเล่นเบื้องต้น
* วิธีการควบคุม สามารถปรับแต่งปุ่มกดได้อย่างอิสระ จะให้คันเร่งไปอยู่ที่ L หรือ R ก็ได้
* ระบบนับวัน ซึ่งดำเนินไปตามเวลาของเกม แต่ละวันจะมีขายรถอยู่ 4 ยี่ห้อ สลับไปเรื่อย ๆ
* ระบบปรับแต่งรถ ที่ปรับแต่งได้ในระดับนึง เหมือนกับ GT Concept หรือ GT4 Prologue
* ปรับแต่ง Replay ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ GT4 ที่สามารถนำภาพ Replay การเล่นมาดู หรือปรับแต่งได้
* คู่มือการเล่น ซึ่งภาคนี้จะมี Guide Book ในตัวเกมให้เลย (ถ้าเข้าไปอ่านกันนะ)
* การปรับมุมมองทำได้ 4 ระดับ ได้แก่ มองจากในรถ ,หลังรถ , มุมสูง และมุมมองจากหน้ารถ
* จำนวนรถในภาคนี้มีทั้งหมด 830 คัน โดยแต่ละคันจะมีรูปแบบการบังคับที่ไม่เหมือนกันเลย
* จำนวนสนามที่มี 45 แบบ แต่ถ้ารวมที่แบ่งซอยย่อยไปก็มีประมาณ 30 สนาม
การปรับรถดริฟแบบต่างๆ
รถ 4WD ดริฟยากมาก แต่ทำได้ก็เทพ

ทดสอบที่สนาม Trial Mountain แบบ Forward (ตามเข็มนาฬิกา) ทางขวาจะเห็นว่า GTR ตันนี้ทำสถิติไว้ถึง 11,336 แต้ม
แต่แต้มปัจจุบัน ณ ตอนที่เขียนบทความนี้ แต้มเกิืนนี้ไปไกลแล้วนะ (ไม่อยากบอกว่าเอาภาพเก่ามาลง - -")
เริ่มต้น ก่อนที่เราจะทำสถิตินี้ได้นั้นก็ต้องมาปรับแต่งรถกันก่อน ข้อมูลที่นำมาให้ศึกษากันนี้ เป็นเทคนิคการปรับแต่งเฉพาะตัว
ของผมเองนะครับ อาจจะไม่ใช่เทคนิคที่ดีที่สุด แต่ก็สามารถดริ๊ฟท์ทำแต้มสะสมได้ดีทีเดียว ลองดูตามภาพด้านล่างเลยครับ

Transmission = เกียร์ (ผมจะเลือกเป็น Automatic หรือเกียร์ออโต้ ไม่ต้องกดเปลี่ยนเกียร์ให้เมื่อยนิ้ว)
TCS = ระบบควบคุมอัตราเร่ง ทำหน้าที่ควบคุมเครื่องไม่ให้ออกแรงมากเกินไป (ระบบช่วยให้ขับง่ายขึ้น ปิดไปได้เลย)
ASM = ระบบควบคุมรถ โดยระบบจะชะลอให้ในระดับนึงเมื่อถึงโค้ง (ระบบช่วยให้ขับง่ายขึ้น ปิดไปได้เลย)
Active Steering = ระบบควบคุมการเลี้ยว เพื่อให้รถวิ่งได้ตรงเส้นทางมากที่สุด (ระบบช่วยให้ขับง่ายขึ้น ปิดไปได้เลย)
Driving Physics = มี 2 อย่าง คือ Standard (มีระบบช่วยเล่นนิดหน่อย) กับ Professional (รถจริง ๆ มันต้องแบบนี้)
Front / Rear Tires = เลือกยางที่จะใช้แข่ง โดยมีให้เลือก ดังนี้ (ตามความเข้าใจผมเองนะ)
* Normal1 (N1) : ยางรถที่เกือบจะหมดอายุแล้ว ไม่เกาะถนนเลย
* Normal2 (N2) : ยางรถบ้านทั่วไป หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ถ้าไม่เอามาวิ่งแข่งก็ใช้งานได้ดี
* Normal3 (N3) : ยางรถบ้านแบบรีดน้ำดี เหมาะสำหรับเอามาวิ่งความเร็วสูงบนถนน ถ้าวิ่งไม่เกิน 150 ก.ม.ก็โอเค
* Sport1 (S1) : ยางรถสปอร์ต แบบเนื้อยางแข็ง ความยึดเกาะถนนต่ำ เหมาะสำหรับวิ่งแข่งควอเตอร์ไมล์
* Sport2 (S2) : ยางรถสปอร์ต แบบเนื้อยางธรรมดา ยางรุ่นนี้มักจะใส่มาให้เวลาไปซื้อพวกรถสปอร์ทดี ๆ จากห้าง
* Sport3 (S3) : ยางรถสปอร์ต แบบเนื้อยางอ่อน เหมาะสำหรับเอามาแข่งเซอร์กิต หรือเส้นทางที่ต้องการเข้าโค้งความเร็วสูง
* Racing1 (R1) : ยางรถแข่ง แบบเนื้อยางแข็ง ความยึดเกาะถนนต่ำ แต่ใช่วิ่งความเร็วสูงได้ดี
* Racing2 (R2) : ยางรถแข่ง แบบเนื้อยางธรรมดา เหมาะสำหรับการแข่งเวลานาน และมักใช้ในช่วงกลางของการแข่ง
* Racing3 (R3) : ยางรถแข่ง แบบเนื้อยางอ่อน เหมาะสำหรับทำ Qualifies เพราะความยึดเกาะถนนสูงที่สุด

Power (PS) = แรงม้า สามารถตั้งค่าได้ เฉพาะโหมด Drift
Weight (kg) = น้ำหนักรถ สามารถตั้งได้ เฉพาะโหมด Drift เช่นกัน
Aerodynamics = ตั้งค่าแรงกดอากาศ ทำได้เฉพาะรถที่มีการปรับแต่งในระดับสูง เช่น รถแข่งต่าง ๆ
Ride Height (mm) = ความสูงของรถ แข่งทางเรียบก็เน้นเตี้ย ๆ หากจะเอาไปแข่งแรลลี่ก็สูงหน่อยก็ดี (บางสนามเท่านั้นนะ)
Spring Rate = ความแข็งของสปริง ถ้าแข็งมากความยึดเกาะก็จะต่ำลง ทั้งนี้ต้องดูระบบขับเคลื่อนของรถ และน้ำหนักประกอบด้วย
Damper = ความสูงของโช๊คอัพ ปรับเลเวลยิ่งสูง โช๊คก็จะยิ่งสั้นลงนะ ถ้าจะให้เกาะถนนดีๆ ก็ปรับให้น้อยๆ สวนทางกับสปริงเข้าไว้
Toe = อันนี้ผมไม่แน่ใจนะ แต่ที่ทดสอบดู ถ้าเป็นบวกจะเลี้ยวง่ายขึ้น ถ้าจะเอามาดริ๊ฟท์ปรับของด้านหน้าเป็นลบ จะทำให้ดริ๊ฟท์ง่าย
Camber Angle = ปรับองศารถให้แบะออก ยิ่งปรับองศามาก หน้ายางก็จะสัมผัสถนนน้อยลงไปด้วย
เมื่อเราปรับแต่งรถออกมาเรียบร้อยแล้ว ก็มาดูผลการวิ่งกันเลยดีกว่าว่าเป็นอย่างไร สำหรับสนาม Trial Mountain
ก็จะมีจุดที่สะสมแต้มได้ดี ๆ อยุ่ ถึงหลายจุดด้วยกัน แต่ขอยกตัวอย่างเด่น ๆ มา 4 จุดละกัน โดยเฉพาะจุดที่พลาด
ไม่ได้ หลังสตาร์ทมาโค้งแรกนี่ ถ้าควบคุมดี ๆ นี่แต้มไหลมาเทมาแน่นอน เพราะมีโค้งสโลด์ไปมาถึง 4 โค้งติดต่อกัน
เฉพาะจุดนี้ผมเคยทำได้สูงสุดถึง 5,000 กว่าแต้มเลยทีเดียว (ภาพที่เซฟมามีแค่ 3 โค้งนะ ไปไม่ถึงโค้งที่ 4 - -")

จะเห็นได้ว่า สามารถสไลด์ยาวไปถึงโค้งในอุโมงค์ด้านบนของแผนที่เลยด้วยซ้ำ แต่พอดีว่า ไม่ใช่ทำซ้ำได้ง่าย ๆ
เลยคัดภาพที่เซฟออกมาที่สมบูรณ์ที่สุดมาก่อน สำหรับ อีก 3 โค้งต่อไป จะเป็นโค้งที่เก็บแต้มได้ไม่ยาก เนื่องจาก
เป็นโค้งที่มีวงค่อนข้างกว้าง และทางออกโค้งก็กว้างพอกัน เก็บแต้มได้ไม่ยากเลย

เป็นอย่างไรกันบ้าง หากทำกันได้ขนาดนี้ล่ะก็ เงินก็หาได้ไม่ยากอีกต่อไป เพราะวิ่งรอบละ 10,000 แต้มอัพ !!

ลืมบอกไป แต้มที่เราดริ๊ฟท์ได้นั้น เวลาเราเล่นเสร็จออกมาตัวเกมจะคูณ 2 ให้นะครับ ^^ (วิ่งอย่างงี้ซัก 5 รอบก็แสนแล้วเน้อ ~)
รถ 2 wd FR ถือว่าเป็นรถประเภทที่เหมาะแก่การดริฟเลยครับ
เทคนิคการดริ๊ฟท์โดยใช้รถ Mazda RX-7 Type R S '98
ที่จริงก็ว่าจะย้ายไปเทสสนามอื่นแล้วล่ะ เพราะว่ากำลังมันส์กับสนาม Grand Valley Speedway อยู่
แต่พอมาดูข้อมูลคราวก่อน เอ๊ะ !! ของเดิมทำไว้ที่ Trail Mountain นี่หวา... เพื่อให้เปรียบกันง่าย ๆงั้น
ก็เอามันสนามเดิม นี่แหละ น่าจะเข้าใจง่ายดี ^^

อย่าถามผมนะว่าทำไมไปขุดรถเก่าขนาดนี้มารีวิว ก็ไม่มีอะไรมากหรอก... พอดีเจ้านี่ผมซื้อมาตั้งแต่แรกแล้ว คิดว่า
การปรับแต่ง น่าจะใช้กับ RX-7 (FD) ได้ทุกรุ่นแหละ ถ้าเป็น Type RZ แนะนำให้เปลี่ยนยางหลังเป็น Normal3 ครับ
เพราะกำลังของ RZ จะสูงกว่ารุ่นนี้นิดหน่อยทีเดียวแหละ รอบทดเกียร์ก็ต่างกัน

จะเห็นว่า ผมใช้ยางหน้าและหลังเหมือนกัน ทีแรกผมก็ลองใช้แบบยางหลังแย่กว่ายางหน้าแล้วนะ แต่มันไม่โดน
การควบคุมตอนเข้าสไลด์ง่ายจริง แต่ตอนจะกลับมาตั้งลำ ทำได้ยาก แต่ถ้าปรับเป็นยางหลังดีกว่าหน้า ก็กลาย
เป็นกำลังไม่พอ (ถ้าเป็น RZ จะไม่มีปัญหานี้ รอบทดเกียร์ทำได้ดีกว่ารุ่นนี้) ทุกครั้งที่รีวิวผมจะไม่ยุ่งกับ น้ำหนักและ
แรงม้าเลย เพราะว่าเวลาเล่นในโหมดอื่นมันตั้ง 2 ค่านี้ไม่ได้ -*- (สำหรับ FR การปรับ Camber เพื่อให้ดริ๊ฟท์ง่าย
เป็นเรื่องสำคัญ ต่างกันแค่ 1 องศา การควบคุมก็ต่างกันแล้ว)

ภาพที่เก็บมานี้ จะเน้นเฉพาะโค้งที่เป็นหัวใจในการเก็บแต้มของสนามนี้
credit :nomnamtop





